13.พัฒนาการทางด้านสังคมวัฒนธรรมของอยุธยา
พัฒนาการทางด้านสังคม
สภาพสังคมในสมัยอยุธยา เป็นแบบระบบศักดินา ซึ่งจะเป็นตัวแบ่งสิทธิ หน้าที่และความรับผิดชอบของคนในสังคม ผู้ที่มีศักดินาสูงก็จะมีสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบสูง ผู้ที่มีศักดินาต่ำก็จะมีสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบน้อยลดหลั่นกันตามศักดินาที่ได้รับ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้พระราชทานศักดินาให้แก่เจ้านาย ขุนนาง และราษฎร
1. กลุ่มคนในสังคม
กลุ่มคนในสังคมอยุธยาแบ่งได้ 2 ลักษณะ ดังนี้
1.1 ชนชั้นผู้ปกครอง
1) พระมหากษัตริย์ เป็นประมุขสูงสุดของอาณาจักร ทรงมีอำนาจเด็ดขาดในการดำเนินการทุกอย่าง มีหน้าที่ดูแลราษฎรให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข
2) เจ้านาย เป็นชนชั้นที่มีฐานะรองจากพระมหากษัตริย์ เป็นผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากพระมหากษัตริย์ มีตำแหน่งลดหลั่นกันตามพระยศ มีหน้าที่ช่วยพระมหากษัตริย์ปกครองบ้านเมือง
3) ขุนนาง เป็นบุคคลที่ถวายตัวเข้ารับราชการ มีหน้าที่ช่วยพระมหากษัตริย์ดูแลปกครองบ้านเมือง ควบคุมดูแลราษฎร ตามตำแหน่งหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
1.2 ชนชั้นผู้ถูกปกครอง
1) ไพร่ หมายถึง ราษฎรทั่วไป เป็นกลุ่มคนที่มีจำนวนมากที่สุดในสังคม ไพร่ที่เป็นชายต้องขึ้นสังกัดมูลนายตามกรมกองแห่งใดแห่งหนึ่ง และมีหน้าที่รับใช้บ้านเมือง แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
- ไพร่หลวง คือ ชายฉกรรจ์ที่สังกัดอยู่ในหน่วยงานต่าง ๆ มีหน้าที่ทำงานรับใช้บ้านเมืองปีละ 6 เดือน ไพร่หลวงจะถูกเกณฑ์แรงงานมาทำงานต่าง ๆ เช่น สร้างวัด สร้างวัง ป้อมปราการ และถูกเกณฑ์ไปรบยามเกิดสงคราม
- ไพร่สม เป็นไพร่ที่พระมหากษัตริย์พระราชทานให้แก่มูลนายตามศักดินา เมื่อเกิดศึกสงครามก็ถูกเกณฑ์ไปรบ
- ไพร่ส่วย เป็นไพร่หลวงที่ส่งสิ่งของมาแทนการถูกเกณฑ์แรงงาน สิ่งของที่ไพร่ส่วยส่งมาส่วนใหญ่เป็นสิ่งของสำคัญ เช่น มูลค้างคาว ดีบุก ของป่า เป็นต้น
ชนชั้นไพร่สามารถเปลี่ยนฐานะของตนเองให้เป็นขุนนางได้ ถ้ามีความสามารถเพียงพอ และถวายตัวเข้ารับราชการ
2) ทาส เป็นคนที่ขาดสิทธิในแรงงานและชีวิต ไม่มีอิสระในการทำสิ่งใดต้องทำงานตามที่นายเงินสั่ง ถือเป็นชนชั้นที่ต่ำที่สุดในสังคมอยุธยา มีหลายประเภท เช่น ทาสสินไถ่ ทาสในเรือนเบี้ย ทาสเชลย เป็นต้น
2. สถาบันศาสนา
กลุ่มบุคคลในสถาบันศาสนา ได้แก่ กลุ่มพระสงฆ์ เป็นชนชั้นที่มีฐานะทางสังคมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปกครองบ้านเมืองโดยตรง อาจถือได้ว่า พระสงฆ์มีสถานภาพใกล้เคียงกับชนชั้นมูลนาย เพราะได้รับการยกเว้นการเกณฑ์แรงงานและการเสียภาษีให้แก่รัฐ
สังคมของพระสงฆ์เป็นสังคมที่ไม่มีชนชั้น ดังนั้นคนทุกคนจึงสามารถเข้ามาเป็นพระสงฆ์ได้ เพื่อทำหน้าที่สืบทอดพระพุทธศาสนา พระสงฆ์ได้รับการยอมรับนับถือจากทุกชนชั้น
พระสงฆ์ได้รับการยกย้องให้เป็นผู้นำและเป็นที่พึ่งทางใจของชุมชน และมีบทบาทเชื่อมประสานระหว่างชนชั้นต่าง ๆ ในสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
นอกจากนี้ วัดยังเป็นแหล่งการศึกษาที่สำคัญสำหรับเด็กชาย พ่อแม่นิยมส่งบุตรหลานไปบวชเป็นเณร หรือศึกษาเล่าเรียนที่วัด การศึกษาที่วัดเป็นการหัดอ่าน เขียน คิดเลข และศึกษาหลักธรรมต่าง ๆ ในพระพุทธศาสนา
ในสมัยอยุธยา สถาบันศาสนาเป็นสถาบันที่มีอิทธิพลต่อทุกชนชั้น พระมหากษัตริย์ทรงเลื่อมใสและศรัทธาในพระพุทธศาสนาทรงเป็นพุทธมามกะ ทรงสนพระทัยในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างวัดพระศรีสรรเพชญ์ในเขตพระราชวัง เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เป็นต้น อยุธยาจึงมีวัดที่เป็นพระอารามหลวงมากมาย เช่น วัดมหาธาตุ วัดหน้าพระเมรุ วัดไชยวัฒนาราม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น