วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2559

20.การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทยในสมัย สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี

20.การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทยในสมัย สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี 
การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทยสมัยสุโขทัย
     การสร้างสรรค์ผลงานด้านภูมิปัญญาในสมัยสุโขทัยมีตัวอย่างพอสังเขป ดังนี้    
1. การใช้หลักธรรมและคติความเชื่อทางพุทธศาสนาควบคุมพฤติกรรมของคนในสังคม             
การปลูกฝังนิสัยของคนไทยในสมัยสุโขทัยให้มีศีลธรรมเพื่อความสงบสุขของสังคมส่วนรวมอาศัยประโยชน์จากการประยุกต์หลักคำสอนในพุทธศาสนา เช่น 
การนำเรื่องราวในหนังสือไตรภูมิพระร่วงซึ่งเป็นวรรณกรรมปรัชญาชิ้นแรกของไทยที่พระราชนิพนธ์โดยพระมหาธรรมราชาที่ 1 
หรือพระยาลิไทมาสอนจริยธรรมให้คนทำดีและเกรงกลัวต่อบาป
2. การประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นมาใช้เป็นแบบฉบับของตนเอง
อักษรไทยที่ประดิษฐ์ขึ้นโดยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชในปีพ.ศ. 1826 ที่เรียกว่า “ลายสือไทย” เป็นภูมิปัญญาการเขียนอักษรไทยเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยซึ่งดัดแปลงมาจากอักษรขอมหวัด อักษรหราหมีและอักษรคฤนห์ 
นอกจากนี้พ่อขุนรามคำแหงมหาราชยังได้ใช้ลายสือไทยบันทึกเรื่องราวพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระองค์ ตลอดจนการเมืองการปกครอง 
สภาพบ้านเมืองและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนสมัยนั้นในศิลาจารึกหลักที่ 1 อีกด้วย
3.
การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านประติมากรรมและสถาปัตยกรรม 

ในสมัยนี้เริ่มมีการนำศิลาแลงมาสร้างอาคารสถานที่ต่างๆ 
เช่นที่พบเห็นในกำแพงเมืองชั้นในของเมืองศรีสัชนาลัย 
นอกจากนี้ยังค้นพบการผสมตะกั่วลงไปในสำริดเพื่อทำให้โลหะหลอมได้ง่ายขึ้น 
และทำให้วัตถุที่หล่อมีคุณภาพเพียงพอสำหรับทำภาชนะ 
เครื่องประดับและเครื่องมือเครื่องใช้ที่มีรูปร่างซับซ้อนได้ 
ยกเว้นประติมากรรมพระพุทธรูปสำริด 
ซึ่งไม่นิยมผสมตะกั่วลงไปเพราะต้องการสร้างให้แข็งแกร่งทนทาน
4. การแก้ไขปัญหาที่เกิดจากสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ
ชาวสุโขทัยได้ใช้ภูมิปัญญาในการแก้ไขข้อจำกัดทางธรรมชาติและสภาพภูมิประเทศด้วยการสร้างระบบชลประทาน 
โดยมีการชักน้ำจากที่สูงทางด้านตะวันตกของสุโขทัยด้วยการสร้างแนวคันดินเพื่อทำหน้าที่บังคับทิศทางของน้ำให้ไหลจากหุบเขามาสู่คูเมืองและสระน้ำในเมือง 
แนวคันดินสำหรับเบี่ยงเบนทิศทางของน้ำนี้เรียกว่า “ทำนบพระร่วง” 
หรือที่นักวิชาการหลายท่านเรียกชื่อว่า “สรีดภงส์” 
ตามชื่อที่ปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 1 นอกจากนี้ยังมีการสร้าง “ตระพัง” หรือสระสำหรับเก็บน้ำ น้ำที่ถูกชักไปตามคลองส่งน้ำและลำเลียงไปสู่กำแพงเมืองเก่าจะไหลเข้าสู่สระตระพังเงินสระตระพังทองเพื่อใช้สอยในเมืองและพระราชวังในสมัยสุโขทัย 
5. การเคลือบเครื่องปั้นดินเผาสมัยสุโขทัย 
ในสมัยสุโขทัยมีการปั้นภาชนะด้วยดินเหนียวหรือดินขาว 
ก่อนนำไปเผาในเตาอุณหภูมิสูงและเคลือบให้สวยงาม ซึ่งเรียกว่า 
“เครื่องสังคโลก” 
สีของเครื่องเคลือบมักเป็นสีเขียวไข่กามีสีน้ำตาลบ้างประปราย 
หลักฐานเตาเผาที่ถูกค้นพบเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าในสมัยสุโขทัยได้มีการผลิตเครื่องปั้นดินเผาเป็นอุตสาหกรรมเพื่อประโยชน์ใช้สอย และเพื่อค้าขายในชุมชนและหัวเมืองใกล้เคียงด้วย 
การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทยสมัยอยุธยา    
     การสร้างสรรค์ผลงานด้านภูมิปัญญาในสมัยอยุธยามีตัวอย่างพอสังเขป ดังนี้
1. การสร้างสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นศูนย์รวมอำนาจ
การที่อยุธยาติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติทำให้มีโอกาสได้เรียนรู้ภูมิปัญญาของชนชาติอื่น และนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับคนในสมัยนั้น 
อยุธยาได้นำรูปแบบการปกครองแบบเทวราชาที่เชื่อว่ากษัตริย์คือสมมุติเทพหรือเทพเจ้าจุติลงมาปกครองประชาชนมาจากเขมรซึ่งรับต่อมาจากอินเดีย การปกครองแบบนี้จะให้ความสำคัญและอำนาจในการปกครองบ้านเมืองกับกษัตริย์อย่างมาก
2. การแต่งแบบเรียนสำหรับคนไทย 
พระโหราธิบดีในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแต่งหนังสือจินดามณีให้ชาวอยุธยาใช้ในการศึกษาภาษาไทยเพื่อให้อ่านออกเขียนได้ จินดามณีถือเป็นหนังสือแบบเรียนสำหรับคนไทยเล่มแรกในประวัติศาสตร์
3.
การพัฒนาองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทย 

บรรดาหมอหลวงในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้ร่วมกันรวบรวมตำรับยาต่างๆทั้งไทยและเทศขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติการแพทย์ไทยซึ่งเรียกว่า 
“ตำราพระโอสถพระนารายณ์” ซึ่งตำราเหล่านี้ยังตกทอดมาถึงทุกวันนี้
4.
ความเฟื่องฟูทางศิลปกรรมแขนงต่างๆ
ในสมัยอยุธยามีการสร้างสรรค์งานศิลปะในหลายแขนง 
ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม จิตรกรรม ประติมากรรมหรือประณีตศิลป์ 
ตัวอย่างศิลปะยุคนี้ ได้แก่ พระเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง 
จิตรกรรมฝาผนังโบสถ์และวิหาร งานเครื่องไม้จำหลัก งานปูนปั้น 
การทำลายรดน้ำ งานประดับมุก รวมไปถึงงานเขียนลวดลายเครื่องเบญจรงค์ 
การสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทยสมัยธนบุรี
     สมัยธนบุรีเป็นช่วงเวลาสั้นเพียง 15 ปีเท่านั้น 
ศิลปกรรมต่างๆที่สร้างขึ้นคงเป็นไปตามแบบอย่างของอยุธยา 
จึงผนวกรวมเข้าไว้ในศิลปวิทยาการสมัยอยุธยา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น